การรับประทานกระเทียมดิบมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ต่อไปนี้คือภาพรวมคร่าวๆ:
ประโยชน์ของกระเทียมดิบ:
- สารชีวภาพ:
- ประกอบด้วย อัลลิซินสารประกอบกำมะถันที่เกิดขึ้นเมื่อกระเทียมถูกบดหรือสับ มีคุณสมบัติต้านเชื้อจุลินทรีย์ ต้านไวรัส และต้านเชื้อรา การปรุงอาหารสามารถย่อยสลายอัลลิซินได้ ดังนั้นกระเทียมดิบจึงอาจเก็บสารประกอบนี้ไว้ได้มากขึ้น
- สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด:
- อาจช่วยได้ ลดความดันโลหิต และ ลดคอเลสเตอรอล LDL เนื่องมาจากสารประกอบที่มีกำมะถัน เช่น อัลลิซิน การศึกษาวิจัยบางกรณีแนะนำว่าอาจมีการปรับปรุงเล็กน้อย แม้ว่าหลักฐานทั้งหมดจะยังไม่ชัดเจน
- การสนับสนุนภูมิคุ้มกัน:
- สารต้านอนุมูลอิสระในกระเทียม (เช่น วิตามินซี ซีลีเนียม) อาจช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ หลักฐานที่มีอยู่จำกัดบ่งชี้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระอาจช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัดได้ แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม
- ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์:
- ในอดีตกระเทียมดิบถูกใช้เพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ ซึ่งอาจยับยั้งแบคทีเรียได้ เช่น อี.โคไล และเชื้อรา อย่างไรก็ตาม ไม่ควรนำมาใช้แทนการรักษาทางการแพทย์
ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น:
- ปัญหาระบบย่อยอาหาร:
- อาจทำให้เกิดอาการเสียดท้อง ท้องอืด หรือปวดท้อง โดยเฉพาะในผู้ที่แพ้ง่าย การรับประทานพร้อมอาหารอาจช่วยได้
- กลิ่นปากและกลิ่นตัว:
- สารประกอบกำมะถันเข้มข้นทำให้ลมหายใจและกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างต่อเนื่อง
- ปฏิกิริยาระหว่างยา:
- คุณสมบัติป้องกันการแข็งตัวของเลือดตามธรรมชาติอาจทำให้เลือดเจือจางลง จึงมีความเสี่ยงต่อผู้ที่รับประทานยาละลายเลือด (เช่น วาร์ฟาริน) หรือผู้ที่รับประทานก่อนการผ่าตัด
- อาการแพ้และความไวต่อสิ่งเร้า:
- อาการแพ้หรือการระคายเคืองผิวหนัง (เช่น ผิวหนังอักเสบ) ที่เกิดขึ้นได้ยาก
ข้อแนะนำ :
- ความพอประมาณ:โดยทั่วไปควรรับประทาน 1-2 กลีบต่อวัน หากรับประทานมากเกินไป (มากกว่า 3-4 กลีบ) อาจเพิ่มผลข้างเคียงได้
- การตระเตรียม:บดกระเทียมและปล่อยทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนรับประทานเพื่อเพิ่มการก่อตัวของอัลลิซิน
- ข้อห้ามใช้: หลีกเลี่ยงหากตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีอาการเลือดออกผิดปกติ ปรึกษาแพทย์หากรับประทานยา
บทสรุป:
กระเทียมดิบสามารถนำมาเสริมสุขภาพให้กับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้ โดยช่วยเสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือดและภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม กระเทียมดิบไม่ใช่ยาครอบจักรวาล และการบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดความไม่สบายตัวหรือเกิดปฏิกิริยาได้ ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ โดยรับประทานคู่กับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอื่นๆ